ชื่อสมุนไพร : เกด
ชื่ออื่นๆ : ครินี, ไรนี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Manilkara hexandra (Roxb.) Dubard
ชื่อวงศ์ : SAPOTACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ต้นเกด เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ ลำต้นค่อนข้างเปลาตรง เปลือกแตกเป็นสะเก็ดสีดำเนื้อไม้สีน้ำตาลแดง เสี้ยนสน แต่เหนียวและ แข็งมาก กิ่งมักคดงอเป็นข้อศอก เรือนพุ่มเป็นกลุ่มกลม ไม่ผลัดใบ ต้นเล็กจะมีกิ่งลักษณะคล้ายหนาม มีใบติดเวียนกัน กันเป็นกลุ่มตามปลาย ๆ กิ่ง ปลายหนามลำต้นยังเล็กอยู่ ถ้าสับเปลือกดูจะมียางขาวซึมออกมา
- ใบเกด รูปไข่กลับ ปลายใบผายกว้าง และมักหยักเว้าเข้าใบจะเรียวสอบมาทางโคนใบ เนื้อใบละเอียดเป็นมันทางด้านบนและ มักเป็นคราบขาวทางด้านล่าง เป็นแขนงใบมักขนานกันและค่อนข้างถี่
- ดอกเกด ออกเป็นกระจุก ๆ ละ 3 – 5 ดอก ตามง่ามใบของกิ่งแขนง มีสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม ดอกบานจะกว้างประมาณ 0.7 ซม. กลีบดอกเป็นฝอยเล็ก ๆ ก้านดอกยาวประมาณ 1 ซม.
- ผลเกด ผลกลม โตประมาณ 1 – 1.5 ซม. มีเนื้อเยื่อหุ้ม เมื่อสุกสีเหลืองแสด เมล็ดมี 1-2 เมล็ด
ส่วนที่ใช้เป็นยา : ผล, เมล็ด, เปลือก
สรรพคุณ เกด :
- ผล กินเป็นยาฝาดสมาน และบำรุงกำลัง แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ท้องผูก
- ผลและเมล็ด ทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม
- เมล็ด บรรเทาอาการระคายเคือง รักษาแผลเปื่อย และแผลพุพอง
- เปลือก เป็นยาแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้เหงือกอักเสบ แก้ไข้ เป็นยาฝาดสมาน และเป็นยาต้านพิษ ช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการไข้ ช่วยบำรุงกำลังให้แข็งแรง บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ป้องกันการเกิดอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ
“ผลเกด” เมื่อสุกแล้วจะมีรสหวานซึ่งสามารถรับประทานแก้ร้อนในกระหายน้ำ และแก้ท้องผูกได้เป็นอย่างดี
นิเวศวิทยา พบขึ้นทั่วไปตามป่าที่มีดินเป็นดินทราย และดินปนหิน ในป่าดิบแล้ง ป่าน้ำท่วม ป่าชายหาด ทางภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงใต้และภาคตะวันตกเฉียงใต้
ออกดอก มกราคม – กรกฎาคม เป็นผล กุมภาพันธ์ – สิงหาคม
ขยายพันธุ์ โดยเมล็ด